บทที่ 3

บทที่3

                        เปิดหน้าต่างหันไปทางยะรูซาเล็ม

    ถึงแม้ว่ากษัตริย์จะออกคำสั่งมิให้อธิษฐาน  ดานิเอลยังคงเปิดหน้าต่างหันไปทางยะรูซาเล็มเพื่อจะอธิษฐานวันละสามครั้งเสมอ (ดานิเอล 6.10)  "ถ้าปราศจากการอธิษฐานเราไม่สามารถชื่นชมยินดีกับพระพรในอาณาจักรของพระเจ้าได้อย่างเต็มที่  เราไม่สามารถจะเอาอะไรมาทดแทนการอธิษฐานได้"

1. คำอธิษฐานคืออะไร?
    (1) ทัศนะในทางบวก  คำอธิษฐานคือ การสำแดงความรู้สึกจริงใจเป็นถ้อยคำต่อพระเจ้า (ลูกา 18.13-14)  การอธิษฐานมิใช่เป็นการนั่งตั้งสมาธิหรือการแสดงท่าทีแต่เป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องสำแดงออกจากใจ  การดลใจหรือการสำแดงนิมิตคือการที่พระเจ้าสนทนากับมนุษย์  ส่วนการอธิษฐานคือการที่มนุษย์สนทนากับพระเจ้า  สาระของคำอธิษฐานประกอบด้วย
    - การสรรเสริญ (บทเพลงสรรเสริญ 145.1-2
    - การขอบพระคุณ  (เอเฟโซ 5.20)
    - การสารภาพ  (ยาโกโบ 5.16,  1โยฮัน 1.9,  ลูกา 18.13)
    - การอ้อนวอน, การขอร้อง  (มัดธาย 7.7-11,  1ติโมเธียว 2.1-3)
    (2) ทัศนะในทางลบ  การอธิษฐาน คือ
        (ก) มิใช่เป็นเครื่องมือในการรายงานต่อพระเจ้าและกล่าวตำหนิมนุษย์  กิจการ 15.15,  ลูกา 18.9-14
        (ข) มิใช่เป็นเครื่องมือเพื่อรับใช้ความเห็นแก่ตัวของเรา  ยาโกโบ 4.1-4
        (ค) มิใช่เป็นบันไดลิงสำหรับหนีในยามที่เพลิงไหม้  สุภาษิต 1.24-33,  ยะเอศเคล 8.18,  ซะคาระยา 7.13
        (ง) มิใช่เป็นหนทางที่จะได้รับสิ่งที่พระเจ้าปรารถนา  มัดธาย 7.21
        (จ) มิใช่เป็นฎีกาฟ้องร้องต่อพระเจ้า
        (ฉ) มิใช่เป็นการท่องจำ

2. เราควรอธิษฐานเมื่อใด?
    "การอธิษฐานควรทำบ่อย ๆ เมื่อเรามีความต้องการ และการโมทนาคุณควรแสดงออกบ่อยครั้งที่เราได้รับพระพร"
    (1) เราควรอธิษฐานเสมออย่าเว้น  (1เธซะโลนิเก 5.17, โกโลซาย 4.2,  โรม 12.12,   ลูกา 18.1-4)  ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้มิได้มีความหมายว่า บุคคลจะไม่มีหยุดจากการอธิษฐาน  ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้สอนว่า เราไม่ควรล้มเลิกในการอธิษฐาน  และสอนว่าเราควรมีจิตใจอธิษฐานสม่ำเสมอ  ทำอย่างเป็นประจำ (บทเพลงสรรเสริญ 55.17)
    (2) โปรดพิจารณาดูคำแนะนำดังต่อไปนี้  อธิษฐานยามตื่นขึ้น,  ก่อนทานอาหาร,  อธิษฐานเวลาที่กำหนดไว้,  เมื่อเวลาผิดปกติ,  เมื่อท่านรู้สึกอยากอธิษฐาน,  อธิษฐานพร้อมกับครอบครัวของท่าน,  อธิษฐานก่อนเลิกงาน,  เมื่อเวลาท้อถอย,  อธิษฐานเมื่อมีความสุข,  อธิษฐานเมื่อยามต้องเผชิญกับความลำบาก
    (3) อธิษฐานจนเคยชินเป็นนิสัยฝ่ายวิญญาณจิตของเรา
    
3. ตัวอย่างผู้ที่อธิษฐาน
    (1) พระเยซูเป็นตัวอย่างดี  (มาระโก 1.35,  ลูกา 6.12, 11.1,  โยฮัน 17)  ข้อต่อไปนี้พูดถึงโอกาสต่าง ๆ ที่พระเยซูทรงอธิษฐาน (มัดธาย 26.36-44)  คำอธิษฐานของพระเยซูมีลักษณะ ดังนี้
        (ก) คำอธิษฐานง่าย ๆ
        (ข) ตรงจุด
        (ค) เคารพนบนอบต่อน้ำพระทัยพระเจ้า
        (ง) ด้วยความร้อนรน
        (จ) ออกมาจากใจโดยธรรมชาติไม่เสแสร้ง
    (2) คริสตจักรเริ่มแรกอธิษฐาน  (กิจการ 2.42)
    (3) คนของพระเจ้าที่สำคัญ ๆ เป็นคนอธิษฐานเสมอ เช่น อับราฮาม,  นะเฮ็มยา,  โมเซ,  ฮันนา และดาวิด   ศึกษาชีวิตการอธิษฐานของอัครสาวกเปาโล เป็นที่หนุนใจอย่างยิ่ง

4. เราควรอธิษฐานเผื่อผู้ใดบ้าง?
    (1) เผื่อทุกคน  (1ติโมเธียว 2.1-2)  ไม่ว่าเชื้อชาติใด หรือภาษาใดก็ตาม
    (2) เผื่อผู้ปกครอง  (1ติโมเธียว 2.1-2)  ตอนที่ข้อความนี้ได้เขียน  คนชั่วกำลังมีอำนาจการปกครอง  เพราะฉะนั้นลักษณะของนักปกครองไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี  ไม่เกี่ยวข้องหรือเป็นสาเหตุระงับมิให้เราอธิษฐานเผื่อเขา
    (3) เผื่อพี่น้องของเรา  (ฟิลิปปอย 1.9-11,  ยาโกโบ 5.16,  เอ็กโซโด 32.31-32)  เราทำผิดต่อพี่น้องถ้าเราล้มเหลวในการอธิษฐานเผื่อพี่น้อง (1โกรินโธ 8.12,  1ซามูเอล 12.23)
    (4) เผื่อนักเทศน์  (2เธซะโลนิเก 3.1-2,  เอเฟโซ 6.18-19,  1เธซะโลนิเก 5.25)  ถึงแม้ว่าเปาโลเป็นบุรุษที่แข็งแรงฝ่ายวิญญาณจิต  แต่แม้กระนั้นเปาโลก็ยังมีความต้องการคำอธิษฐาน
    (5) เผื่อผู้ป่วย  (ยาโกโบ 5.13-15)  เปาโลอธิษฐานเผื่อคนป่วย  (กิจการ 28.8)
    (6) เผื่อผู้หลงหาย   (โรม 10.1)  พระเยซูได้อธิษฐานเผื่อคนบาปขณะที่เกือบจะสิ้นใจบนไม้กางเขน (ลูกา 23.34) คำอธิษฐานได้รับตอบในวันเพ็นเทศเต  (กิจการ 2.36-47)  โมเซได้อธิษฐานเผื่อผู้หลงหาย (เอ็กโซโด 32.30-35)
    (7) อธิษฐานเผื่อศัตรูของเรา  (มัดธาย 5.44) ซะเตฟาโนได้กระทำเช่นนั้น (กิจการ 7.60)  พระเยซูได้กระทำเช่นนั้น (ลูกา 23.34)

5. เราควรอธิษฐานเพื่ออะไร?
    (1) เพื่อกำลังในการเผชิญกับการทดลอง  (มัดธาย 26.41)
    (2) เพื่อสติปัญญาและความเข้าใจ  (ยาโกโบ 1.5-7)
    (3) เพื่อการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  (โยฮัน 17.20-21)
    (4) เพื่อพระพรฝ่ายเนื้อหนัง  (มัดธาย 6.11)
    (5) การอภัยโทษ  (มัดธาย 6.12,  1โยฮัน 1.9)
    (6) สันติสุข  (1ติโมเธียว 2.1-2)
    (7) เพื่อผู้ทำการจะทำการเก็บเกี่ยว  (มัดธาย 9.38)

6. เงื่อนไขคำอธิษฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับ
    (1) อธิษฐานต่อพระเจ้าพระบิดา (มัดธาย 6.9,  เอเฟโซ 5.20)  มิใช่ต่อนางมาเรีย หรือ สิทธิชนที่ตายไปแล้ว
    (2) อธิษฐานในนามของพระคริสต์  (โกโลซาย 3.17,  เอเฟโซ 5.20,  โยฮัน 14.13)  พระเยซูเป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ (1ติโมเธียว 2.5)
    (3) อธิษฐานด้วยความเชื่อ  (ยาโกโบ 1.5-7,  มัดธาย 21.22,  มาระโก 11.24)
    (4) อธิษฐานตามชอบพระทัยพระเจ้า  (1โยฮัน 5.14,  มัดธาย 26.39-42)  การอธิษฐานเพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในแผ่นดินโลก มิใช่เพื่อให้ความปรารถนาของมนุษย์สำเร็จในสวรรค์
    (5) อธิษฐานเริ่มต้นด้วยเจตนาที่ถูก (ยาโกโบ 4.3)  ตัวอย่างเช่น นักธุรกิจอธิษฐานขอให้พระเจ้าอวยพรให้ทำธุรกิจได้ดี  แต่ตนเองถวายทรัพย์ไม่ค่อยเต็มที่ เจตนาเป็นสิ่งสำคัญ
    (6) ด้วยความจริงใจ,  ร้อนรน,  แน่วแน่  (1เธซะโลนิเก 3.10,  ยาโกโบ 5.16,  บทเพลงสรรเสริญ 145.18,  มัดธาย 7.7,  ลูกา 22.44,  โรม 15.30)  อธิษฐานควรออกมาจากรากของหัวใจ  มิใช่จากรากของริมฝีปาก
    (7) ด้วยจิตวิญญาณและด้วยความเข้าใจ  (1โกรินโธ 14.15)  คำอธิษฐานควรพลุ่งออกมาจากหัวใจอันแท้แห่งตัวเรา  และเมื่อกระทำในที่สาธารณะต้องเปิดวาจาให้เป็นที่เข้าใจ
    (8) อธิษฐานติดต่อกันบ่อย ๆ (ลูกา 10.5-13, 18.1-8)  พระเยซูหมั่นเพียรในการอธิษฐาน (มัดธาย 6.44)  อัครสาวกเปาโลเองก็เหมือนกัน (2โกรินโธ 12.7-8)

7. เงื่อนไขคำอธิษฐานซึ่งเป็นที่ยอมรับสัมพันธ์กับผู้ที่อธิษฐาน
    (1) บริสุทธิ์และชอบธรรม  (1เปโตร 2.12,  ยาโกโบ 5.16,  1ติโมเธียว 2.8)
    (2) ยอมอยู่ใต้อำนาจ  (1โยฮัน 5.14-15,  มัดธาย 26.39, 6.10)
    (3) เชื่อฟัง  (1โยฮัน 3.22, 9.31,  สุภาษิต 28.9, 1.24-48)
    (4) ถ่อมสุภาพ  (ลูกา 18.9-14, ยาโกโบ 4.6,  มัดธาย 6.5,8)
    (5) ยกโทษ  (มัดธาย 6.12-15, 18.21-35)
    (6) สนิทอยู่ในพระเยซูและพระคำสนิทอยู่กับบุคคลนั้น (โยฮัน 1.5, 7)
    (7) มีชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด (ยาโกโบ 4.8)

8. สิ่งขัดขวางทำให้คำอธิษฐานไม่เป็นที่ยอมรับ
    "ฝ่ายท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เหมือนกัน  จงอยู่กินกับภรรยาโดยใช้ความรู้  จงให้เกียรติยศแก่ภรรยาเหมือนหนึ่งเป็นภาชนะที่อ่อนแอกว่า  และเหมือนเป็นคู่รับมรดกพระคุณแห่งชีวิตด้วยกัน  เพื่อจะได้ไม่มีสิ่งใดขัดขวางคำอธิฐานของท่าน"  (1เปโตร 3.7)
    จริงอยู่ คำอธิษฐานอาจถูกขัดขวางได้  แต่ถูกขัดขวางอย่างไร?
    (1) ปล่อยให้ความบาปฝังอยู่ในจิตใจ (บทเพลงสรรเสริญ 66.18, ยะซายา 59.1-2)
    (2) ปฏิเสธที่จะฟังและเชื่อฟังพระเจ้า (สุภาษิต 28.9)
    (3) โดยการอธิฐานที่มีเจตนาที่เห็นแก่ตัว (ยาโกโบ 4.3)
    (4) เพราะมีรูปเคารพตั้งอยู่ในใจ  (ยะเอศเคล 14.1-5)
    (5) โดยการประพฤติตนนอกทางจากคู่ชีวิตของตน (1เปโตร 3.7)
    (6) โดยการส่ำสมอาความเคียดแค้นชิงชังในใจ (มัดธาย 6.14-15)
    (7) โดยปิดหูของเราไม่ยอมยังคำร้องทุกข์ของคนจน (บทเพลงสรรเสริญ 21.13)
    (8) สงสัยว่าพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐานหรือไม่?  (ยาโกโบ 1.58)

9. พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานจริง ๆ
    (1) พระคัมภีร์กล่าวซ้ำหลายหนว่า พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐาน  (ยะซายา 65.24,  บทเพลงสรรเสริญ 118.5, 120.1,  มัดธาย 7.7-11,  ยาโกโบ 5.16,  เฮ็บราย 4.16,  1เปโตร 3.12)
    (2) มีตัวอย่างมากที่แสดงว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐาน  พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของนางฮันนา (1ซามูเอลบทที่ 1)   เอลียา (ยาโกโบ 5.17)  คริสตจักรเริ่มแรก (กิจการ 12.5-9)
    (3) พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน 5 ประการ  ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
        (ก) โดยตอบว่าตกลง  ยาโกโบ 5.17
        (ข) โดยตอบว่าปฏิเสธ  "ไม่"  มัดธาย 26.39, 44,   เฮ็บราย 5.7
        (ค) โดยการบอกให้ "รอ"  ยิระมะยา 42.4, 7
        (ง) ให้อย่างอื่นต่างจากสิ่งที่เราขอ  2โกรินโธ 12.7-9
        (จ) ให้เรามากกว่าที่เราขอ  1พงศาวดารกษัตริย์ 3.11, 13,  เอเฟโซ 3.20
    (4) มักน้อยเมื่อเราอธิษฐาน  เราควรหวังให้พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของเรา  แม้บางครั้งพระองค์จะประทานเกิดสิ่งที่เราขอหรือคิดได้  (มัดธาย 21.22,  เอเฟโซ 3.20-21,  ยาโกโบ 1.5-7,  ยิระมะยา 33.3)  การมีจิตใจแบบนี้จะทำให้มีสันติสุขในใจ  (ฟิลิปปอย 4.6-7)

10. ผลจากการอธิษฐานในชีวิตของคริสเตียน
    (1) การอธิษฐานต่อต้านบาป (มัดธาย 6.13,  ลูกา 21.36)  คำอธิษฐานและจิตใจอันชั่วจะอาศัยอยู่ในหัวใจอันเดียวกันไม่ได้  เราสามารถชนะกับซาตานได้  (เอเฟโซ 6.13)  โดยการอธิษฐานเสมอ (เอเฟโซ 6.18)
    (2) การอธิษฐานป้องกันมิให้ทิ้งความเชื่อ  การสะดุดล้มลงอยู่ใกล้แค่เอื้อม  การหลงในความเชื่อ  จงเริ่มต้นหัวเข่า  คนที่กำลังคุกเข่าเป็นการยากที่จะล้มลง
    (3) การอธิษฐานทำให้คริสเตียนทำการ  เราอธิษฐานเผื่อคนเจ็บป่วย,  สำหรับอาหาร ฯลฯ  รวมทั้งการปรนนิบัติรับใช้  เราควรอธิษฐานเผื่อผู้หลงหาย  และจงพยายามชักนำให้เขากลับมาหาพระองค์
    (4) การอธิษฐานก่อให้เกิดสันติสุข  (ฟิลิปปอย 4.6-7)
    (5) การอธิษฐานเปลี่ยนบางสิ่ง  และคำอธิษฐานเปลี่ยนตังเราเองได้  คำอธิษฐานที่มิได้เปลี่ยนเรา  เป็นคำอธิษฐานที่ไม่สัมผัสพระกรรณของพระเจ้า
    
11. การอธิษฐานในที่สาธารณะ
    การอธิษฐานเป็นการนมัสการที่สำคัญส่วนหนึ่ง  เมื่อพวกคริสเตียนยุคแรกประชุมอัครสาวกเปาโลจึงได้ตั้งมาตรฐานระเบียบในการอธิษฐานเอาไว้  (1โกรินโธ 14.14-17)  การอธิษฐานส่วนตัวจะช่วยการอธิษฐานที่สารธารณะได้ถูก  โปรดพิจารณาดูคำแนะนำในการอธิษฐานในที่สารธารณะ ดังต่อไปนี้
    (1) หลีกเลี่ยงแบบฟอร์มเกี่ยวกับเรื่องที่จะอธิษฐาน
    (2) หลีกเลี่ยงการใช้เสียงเหมือนพระสวดมนต์และซ้ำ ๆ
    (3) ถ้าเป็นไปได้ หันหน้าเข้าไปทางที่ผู้นั่งประชุมจะฟังได้ถนัด
    (4) ออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ
    (5) อธิษฐานดัง ๆ
    
    สรุป  จงอธิษฐานเพราะพระเจ้ากำลังรอที่จะตอบคำอธิษฐานจากเรา  ทำไมเราไม่อธิษฐานล่ะ?
 

ตอบคำถามแบบทดสอบ บทที่ 3  คลิกที่นี่

บทที่4