บทที่ 11

 

                                               บทที่11 

          จงดำเนินเหมือนคนมีปัญญาและจงซื้อโอกาสมาใช้

1. จงดำเนินเหมือนคนมีปัญญา
    "เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังให้ดีในการประพฤติ อย่าให้เหมือนคนอปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา" (เอเฟโซ 5.15)  คำว่า "การประพฤติ" ในที่นี้ภาษาเดิมใช้คำว่า "เพริพาเทหิ" ซึ่งแปลว่า "เดิน" คำถามคือว่า เดินเหมือนคนมีปัญญาอย่างไร?
    (1) ดำเนินตามชีวิตใหม่  "เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น, เพื่อพระคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระรัศมีของพระบิดาเจ้าอย่างไร  เราทั้งหลายจะได้ประพฤติตามชีวิตใหม่อย่างนั้น" (โรม 6.4)  "ด้วยว่าเราดำเนินด้วยความเชื่อ, มิใช่ตามที่เราได้เห็น" (2โกรินโธ 5.7)  คริสเตียนควรละทิ้งชีวิตแบบเก่า ๆ ซึ่งเป็นวิธีที่อยู่ในความบาปครั้งเมื่อก่อนที่จะเข้ามาเป็นบุตรของพระเจ้า  "ผู้ใดที่บังเกิดจากพระเจ้าผู้นั้นไม่ได้กระทำบาป  เพราะเชื้อของพระองค์ทรงมีอยู่ในผู้นั้นจึงกระทำบาปไม่ได้  เพราะบังเกิดจากพระเจ้า" (1โยฮัน 3.9)  ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เป็นบุตรของพระเจ้าจะไม่ล้มลงกระทำบาป  แต่หมายความว่าบุตรของพระเจ้าไม่มีสันดานที่จะทำบาป  หรือทำบาปเป็นอาจิณเหมือนเมื่อสมัยก่อนที่จะมาเป็นคริสเตียน  ถ้าเขาล้มลงเขาก็ควรพยายามจนสุดกำลังที่จะเอาชนะให้จงได้  และพยายามที่จะก้าวไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์  ถ้าทำผิดก็ต้องกลับใจเสียใหม่ (เฮ็บราย 6.1)
    (2) ดำเนินตามพระวิญญาณมิใช่ตามเนื้อหนัง  "จงดำเนินตามพระวิญญาณ และท่านจะไม่ได้ประพฤติตามราคะตัณหาของเนื้อหนัง" (ฆะลาเตีย 5.16)  "ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณก็ให้เราดำเนินตามพระวิญญาณด้วย" (ฆะลาเตีย 5.25)  ความสำคัญของการดำเนินตามพระวิญญาณตามคำสั่งใน โรม 8.4-8 "เพื่อความชอบธรรมของพระบัญญัติจะได้สำเร็จในพวกเรา,  ผู้ไม่ดำเนินตามเนื้อหนัง  แต่ตามพระวิญญาณ  เพราะว่าคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของ ๆ เนื้อหนัง,  แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็สนใจในสิ่งซึ่งเป็นของ ๆ พระวิญญาณ  ด้วยว่าซึ่งมีใจสมกับเนื้อหนังก็คือความตาย,  และซึ่งมีใจสมกับพระวิญญาณก็คือชีวิตและความสุข  เหตุว่าใจสมกับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า  เพราะว่าหาได้อยู่ใต้บังคับพระบัญญัติของพระเจ้าไม่  และจะอยู่ใต้บังคับพระบัญญัตินั้นไม่ได้  และคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง จะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้"  การดำเนินตามพระวิญญาณและการดำเนินตามเนื้อหนังได้ชี้แจงไว้ชัดเจนใน ฆะลาเตีย 5.19-23  "ฝ่ายการของเนื้อหนังก็ปรากฏแล้ว  คือการล่วงประเวณี,  การโสโครก,  การอุลามก,  การไหว้รูปเคารพ,  การดูดวงชะตาราศี,  การเป็นศัตรูกัน,  การวิวาทกัน,  การริษยากัน,  การโกรธกัน,  การทุ่มเถียงกัน,  การเล่นเป็นพาลเกเรต่าง ๆ  และการอื่น ๆ เช่นนั้นอีก  เหมือนข้าพเจ้าได้ว่าแก่ท่านทั้งหลายแต่ก่อน  บัดนี้ข้าพเจ้าจึงว่าแก่ท่านอีกเหมือนกันว่า  คนเหล่านั้นที่กระทำการเช่นนั้นจะรับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้,  ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้นคือความรัก,  ความยินดี,  สันติสุข,  ความอดกลั้นไว้นาน,  ความปราณี,  ความดี,  ความสัตยซื่อ,  ความอ่อนสุภาพ,  การรู้จักบังคับตน  การเช่นนั้นไม่มีพระบัญญัติห้ามเลย"
    (3) ดำเนินให้สมกับที่ท่านถูกเรียกนั้น  เอเฟโซ 4.1 "เหตุฉะนั้นข้าพเจ้า  ผู้ที่ถูกจำจองเพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า  จึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ประพฤติสมกับที่ท่านทั้งหลายทรงถูกเรียกแล้วนั้น"  อาชีพของคริสเตียนก็คือการดำเนินชีวิตตามแบบคริสเตียน  อาชีพของคริสเตียนอยู่ที่ไหน ชีวิตของเขาก็อยู่ที่นั่น
    มัดธาย 6.33 "แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน  แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้"  ในการดำเนินชีวิตให้สมกับผู้ที่ถูกเรียกนั้นก็เท่ากับการที่บุคคลประคับประคองชีวิตของตนให้คนอื่นเห็นพระคริสต์ในชีวิตของเรา  ฆะลาเตีย 2.20 "ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว และไม่ใช่ข้าพเจ้าเองที่ยังมีชีวิตเป็นอยู่  แต่พระคริสต์ต่างหากทรงมีชีวิตเป็นอยู่ในข้าพเจ้า  และชีวิตซึ่งข้าพเจ้ามีอยู่ในเนื้อหนังเดี๋ยวนี้  ข้าพเจ้ามีอยู่โดยศรัทธา  คือศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า  และได้ประทานพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า"
    (4) ดำเนินในความสว่าง  1โยฮัน 1.6-8 "ถ้า​เรา​จะ​ว่า​เรา​มี​ใจ​ร่วม​สามัคคี​ธรรม​กับ​พระ​องค์, และ​ยัง​ประพฤติ​อยู่​ใน​ความ​มืด, เรา​ก็​พูด​มุสา, และ​ไม่ได้​ประพฤติ​ตาม​ความ​จริง  แต่​ถ้า​เรา​ดำเนิน​อยู่​ใน​ความ​สว่าง, เหมือน​อย่าง​พระ​องค์​สถิต​อยู่​ใน​ความ​สว่าง, เรา​ก็​ร่วม​สามัคคี​ธรรม​ซึ่ง​กัน​และ​กัน, และ​พระ​โลหิต​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระ​องค์​ได้​ทรง​ชำระ​เรา​ทั้ง​หลาย​ให้​ปราศ​จาก​บาป​ทั้ง​สิ้น   ถ้า​เรา​ทั้ง​หลาย​จะ​ว่า​เรา​ไม่​มี​บาป, เรา​ก็​ล่อลวง​ตน​เอง, และ​ความ​จริง​ไม่​ได้​อยู่​ใน​เรา​เลย"    
    เอเฟโซ 5.8 " เพราะว่า​เมื่อ​ก่อน​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​ความ​มืด, แต่​บัดนี้​ท่าน​เป็น​ความ​สว่าง​แล้ว​ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า จง​ประพฤติ​อย่าง​ลูก​ของ​ความ​สว่าง"  ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง  พระโลหิตของพระเยซูชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น  นี่แหละเป็นวิธีที่คริสเตียนจะมีการร่วมสามัคคีธรรม  การดำเนินในความสว่าง หมายถึงการดำเนินชีวิตตามที่พระคำของพระเจ้าแนะนำ  บทเพลงสรรเสริญ 119.105 "พระ​วจ​นะ​ของ​พระองค์​เป็น​โคม​สำหรับ​เท้า​ของ​ข้าพ​เจ้า, ​และ​เป็น​แสงสว่าง​ตาม​ทาง​ของ​ข้าพ​เจ้า"  บทเพลงสรรเสริญ 119.11 " พระ​ดำรัส​ของ​พระองค์​นั้น​ข้าพ​เจ้า​ได้​จดจำ​ไว้​ใน​ใจ, ​เพื่อ​ข้าพ​เจ้า​จะ​ไม่​กระทำ​ผิด​ต่อ​พระองค์"
    (5) ดำเนินเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้า  1โยฮัน 2.6 "คือ​ผู้ใด​ว่า​ตน​อยู่​ใน​พระ​องค์, ผู้​นั้น​ก็​ควร​ประพฤติ​ตาม​ที่​พระ​องค์​ทรง​ประพฤติ​นั้น"  ดูฟิลิปปอย 2.5-6 "ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​มี​น้ำใจ​อย่าง​นี้, เหมือน​อย่าง​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทรง​มี​ด้วย   พระ​องค์​นั้น​ทรง​สภาพ​ของ​พระ​เจ้า, แต่​มิได้​ทรง​ถือ​ว่า​การ​ที่​เท่า​เทียม​กับ​พระ​เจ้า​นั้น​เป็น​การ​ที่​ต้อง​สงวน​ไว้"  และ 1เปโตร 2.21-22
        1) องค์พระผู้เป็นเจ้าดำเนินชีวิตโดยการให้อภัย  ลูกา 23.34 "ฝ่าย​พระ​เยซู​จึง​ทรง​อธิษฐาน​ว่า “โอ​พระ​บิดา​เจ้า​ข้า. ขอ​โปรด​ยก​โทษ​เขา เพราะว่า​เขา​ไม่​รู้​ว่า​เขา​ทำ​อะไร” เขา​ก็​เอา​ฉลอง​พระ​องค์​จับ​สลาก​แบ่ง​ปัน​กัน"
        2) โดยการปรนนิบัติผู้อื่น  โยฮัน 13.1-17,   มาระโก 10.45 "เพราะว่า​บุตร​มนุษย์​มิ​ได้มา​เพื่อ​จะ​ให้​เขา​ปรนนิบัติ, แต่​ท่าน​มา​เพื่อ​จะ​ปรนนิบัติ​เขา, และ​ประทาน​ชีวิต​ของ​ท่าน​ให้​เป็น​ค่า​ไถ่​คน​เป็น​อัน​มาก​ด้วย"
        3) โดยการเชื่อฟัง  เฮ็บราย 5.8-9 "ถึงแม้ว่า​พระ​องค์​ทรง​เป็น​พระ​บุตร​แล้ว, พระ​องค์​ยัง​ได้​ทรง​เรียน​รู้จัก​ที่​จะ​นอบ​น้อม​ยอม​ฟัง​นั้น​โดย​ความ​ยากลำบาก​ที่​พระ​องค์​ได้​ทน​เอา.  และ​เมื่อ​ถึง​ที่​สำเร็จ​แล้ว, พระ​องค์​ก็​เลย​ทรง​เป็น​ผู้​เริ่ม​จัด​ความ​รอด​นิ​รันดร์ ให้​แก่​คน​ทั้ง​ปวง​ที่​เชื่อ​ฟัง​พระ​องค์"
        4) โดยความกล้าหาญ  มัดธาย 21.12-13 "พระ​เยซู​จึง​เสด็จ​เข้า​ใน​โบสถ์​ของ​พระ​เจ้า, ทรง​ขับ​ไล่​บรรดา​ผู้​ซื้อ​ขาย และ​คว่ำ​โต๊ะ​ผู้​แลก​เงิน​กับ​คว่ำ​ร้าน​ขาย​นก​พิลาป​ที่​นั่น​เสีย  แล้ว​ตรัส​แก่​เขา​ว่า, “มี​คำ​เขียน​ไว้​ว่า โบสถ์​ของ​เรา​เรียกว่า​เป็น​ที่​อธิษฐาน​อ้อน​วอน. แต่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​กระทำ​ไห้​เป็น​ถ้ำ​ของ​พวก​โจร"
        5) โดยการอธิษฐาน  ลูกา 6.12 "คราว​นั้น​พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​ภูเขา​เพื่อ​จะ​อธิษฐาน, และ​ได้​อธิษฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า​ตลอด​คืน​ยัง​รุ่ง"   มาระโก 1.35 "ครั้น​เวลา​เช้า​มืด​พระ​องค์​ได้​ทรง​ตื่น​ขึ้น​เสด็จ​ออกไป​ยัง​ที่​สงัด, และ​ทรง​อธิษฐาน​ที่​นั่น"
        6) โดยไม่เห็นแก่ตัว  2โกรินโธ 8.9

    (6) ในการศึกษาเรื่องการดำเนินชีวิต  ขอให้เราทราบว่า 
        1) เราควรดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมสุภาพ  มีคา 6.8 "โอ​บรรดา​ชน, ​พระองค์​ได้​ทรง​แจ้ง​ให้​ทราบ​แล้ว​ว่า​อะไร​น่ะ​ดี: ​พระ​ยะ​โฮ​วา​ทรง​พระ​ประสงค์​อะไร​จาก​ท่าน​เล่า​นอกจาก​ทำ​การ​ยุตติ​ธรรม,และ​รัก​ความ​เมตตากรุณา, ​และ​ดำเนินชีวิต​อย่าง​สุภาพ​เคียงคู่​กัน​ไป​กับ​พระเจ้า​ของ​ท่าน?"
        2) ดำเนินตามความเชื่อเหมือนอับราฮาม  โรม 4.12 "และ​เพื่อ​ท่าน​จะ​เป็น​บิดา​ของ​คน​เหล่านั้น​ที่​รับ​พิธี​สุ​นัด, ที่​มิได้​รับ​พิธี​สุ​นัด​เท่านั้น แต่​ได้​ประพฤติ​ตาม​ความ​เชื่อ​ของ​อับ​รา​ฮาม​บิดา​ของ​เรา​ทั้ง​หลาย ซึ่ง​ท่าน​ได้​มี​อยู่​เมื่อ​ท่าน​ยัง​ไม่ได้​รับ​พิธี​สุ​นัด"
        3) ดำเนินโดยความเชื่อ  2โกรินโธ 5.7  "ด้วยว่าเราดำเนินโดยความเชื่อ  มิใช่ตามที่เราได้เห็น"
        4) ดำเนินโดยการทำการดี  เอเฟโซ 2.10 "เพราะว่า​เรา​ทั้ง​หลาย​เป็น​กิจการ​ของ​พระ​องค์, ที่​ทรง​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​เพื่อ​จะ​ให้​กระทำ​การ​ดี, ซึ่ง​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ดำริ​ไว้​ก่อน​ให้​เรา​ประพฤติ​ตาม​นั้น"
        5) ดำเนินชีวิตสมควรแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า  โกโลซาย 1.10  "เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​ประพฤติ​อย่าง​ที่​สมควร​แก่​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า, ตาม​บรรดา​ความชอบ, ให้​เกิดผล​ใน​การ​ดี​ทุก​อย่าง, และ​จำเริญ​ใน​ความรู้​ถึง​พระ​เจ้า"  (1เธซะโลนิเก 2.12)
        6) ดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อ  ฆะลาเตีย 5.22-23 "ฝ่าย​ผล​ของ​พระ​วิญญาณ​นั้น​คือ​ความ​รัก, ความ​ยินดี, สันติ​สุข, ความ​อด​กลั้น​ไว้​นาน, ความ​ปราณี, ความ​ดี, ความ​สัตย์​ซื่อ,  ความ​อ่อน​สุภาพ, การ​รู้จัก​บังคับ​ตน, การ​เช่นนั้น​ไม่​มี​พระ​บัญญัติ​ห้าม​เลย"
        7) ดำเนินชีวิตโดยใช้ปัญญา  โกโลซาย 4.5 "จง​ดำเนินการ​กับ​คน​ภายนอก​ด้วย​ใช้​สติปัญญา, ซึ่ง​เป็น​การ​ซื้อ​โอกาส​ไว้​ใช้"
        8) ดำเนินในความรัก  เอเฟโซ 5.2 "และ​จง​ประพฤติ​ใน​ความ​รัก​เหมือน​พระ​คริสต์​ได้​ทรง​รัก​ท่าน, และ​ทรง​ประทาน​พระ​องค์​เอง​เพื่อ​ท่าน, เป็น​เครื่อง​บรรณาการ​และ​เป็น​เครื่อง​บูชา​ถวาย​แก่​พระ​เจ้า​เป็น​สุ​คน​ธรส​อัน​หอม​หวาน"
    (7) คำว่า "ดำเนิน"  เป็นคำที่ใช้บวกกับคำอื่นเพื่อใช้เน้นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพระเจ้ากับบุตรของพระองค์
        1) เราควรดำเนินอยู่ตรงพระพักตร์ของพระเจ้า  เยเนซิศ 17.1 "เมื่อ​อายุ​อับ​ราม​ได้​เก้า​สิบ​เก้า​ปี, พระ​ยะ​โฮ​วา​ได้​สำแดง​พระองค์​ให้​ปรากฏ​แก่​อับ​ราม​ตรัส​ว่า, “เรา​เป็น​พระเจ้า​ผู้​ทรง​ฤทธิ์​ยิ่ง​ที่สุด; ​เจ้า​จง​เดิน​อยู่​ตรงหน้า​เรา​ให้​เป็น​คน​ดี​รอบคอบ"  หมายความว่าในสายพระเนตรของพระเจ้า
        2) เราควรดำเนินตามพระยะโฮวา  พระบัญญัติ 13.4 "เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ดำเนิน​ตาม​พระ​ยะ​โฮ​วา​พระเจ้า​ของ​เจ้า, ​เกรงกลัว​พระองค์, ​รักษา​ข้อบัญญัติ​ทั้ง​หลาย​ของ​พระองค์, ​และ​เชื่อฟัง​ถ้อยคำ​ ​ปฏิบัติ​และ​นับถือ​พระองค์"  เราควรปฏิบัติตามการทรงนำของพระเจ้าโดยการสำแดงของพระบุตรของพระองค์  1เปโตร 2.21-22 "ด้วย​ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ถูก​ทรง​เรียก​ไว้​สำหรับ​เหตุการณ์​นั้น, เพราะว่า​พระ​คริสต์​ได้​ทรง​รับ​ทน​ทุกข์​ทรมาน​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ให้​เป็น​แบบ​อย่าง​แก่​ท่าน, เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ตาม​รอย​พระ​บาท​ของ​พระ​องค์   พระ​องค์​ไม่ได้​ทรง​กระทำ​บาป​ประการ​ใด, และ​อุบาย​ใน​พระ​โอษฐ์​ของ​พระ​องค์​ก็​ไม่​มี"
        3) เราควรดำเนินตามพระเยซู  โกโลซาย 2.6 "เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าแล้วฉันใด  จงดำเนินตามพระองค์ฉันนั้น"  เราควรดำเนินชีวิตอยู่ในบรรยากาศของคริสตจักร
        4) เราควรดำเนินกับพระเจ้า  เยเนซิศ 5.24 "ฮะ​โน​ค​ได้​ดำเนิน​กับ​พระเจ้า, แล้ว​ก็​หายหน้า​ไป: ​เพราะ​พระเจ้า​ทรง​รับ​เขา​ไป"  การดำเนินกับพระเจ้าหมายถึงการดำเนินโดยความเชื่อ  2โกรินโธ 5.7 "ด้วยว่าเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่เราได้เห็น"  ตกลงกันได้โดยไม่ขัดแย้งกัน  อาโมศ 3.3 "ทั้งสองจะดำเนินด้วยกัน  ถ้าเขาทั้งหลายไม่พร้อมใจกันจะได้หรือ?"  เป็นเช่นอย่างมิตรที่ดีและรักษาย่างเท้าตามรอยพระบาทของพระเจ้า

2. จงซื้อโอกาสมาใช้
    "จงซื้อโอกาสมาใช้  เพราะว่าบัดนี้เป็นกาลที่ชั่ว" (เอเฟโซ 5.16)
    (1) เวลาอันสั้น  โยบ 9.25-26  "บัดนี้​วัน​คืน​ทั้ง​หลาย​ของ​ข้าฯ ​ละ​ล่วง​ไป​เร็ว​กว่า​ม้าเร็ว. ​มัน​ผ่านพ้น​ไป, ​และ​ไม่​เห็น​ของดี​อะไร​เลย   มัน​ผ่านพ้น​ไป​โดยเร็ว​ดุจ​เรือ​กำปั่น​ฝีเท้า​เร็ว, ​และ​ดุจ​นก​อินทรีย์​ที่​โฉบ​ลง​มา​เฉี่ยว​อาหาร"  (โยบ 7.6, 14.1,  บทเพลงสรรเสริญ 39.5,  2โกรินโธ 4.17,  1เปโตร 1.24)  ยาโกโบ 4.14 "แต่​ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​รู้​ว่า จะ​มี​เหตุ​อะไร​เกิดขึ้น​ใน​พรุ่งนี้  ชีวิต​ของ​ท่าน​เป็น​อะไร​เล่า? ก็​เป็น​เหมือน​หมอก​ที่​ปรากฏ​อยู่​แต่​ประเดี๋ยว​หนึ่ง​แล้ว​ก็​หายไป"  คนมีชีวิตโดยเฉลี่ยอย่างมากก็แค่ 60 ปี  ลองคิดดูซิว่าท่านมีเวลาเหลืออีกเท่าไร?  ถ้าจะคิดตัวเลขออกมาเป็นวัน  ดูซิว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน?  เพราะว่าชีวิตของเราสั้น  ดังนั้นท่าทีของเราต่อชีวิตควรเป็นอย่างไร?  มีกล่าวไว้ในบทเพลงสรรเสริญ 39.4 "ข้า​แต่​พระ​ยะ​โฮ​วา, ​ขอ​โปรด​ให้​ข้าพ​เจ้า​รู้​ที่สุด​ปลาย​อายุ​ของ​ข้าพ​เจ้า, วัน​ปี​ของ​ข้าพ​เจ้า​จะ​นาน​สัก​เท่าใด; ​ขอ​ให้​รู้​ว่า​กำลัง​ของ​ข้าพ​เจ้า​อ่อนเพลีย​เพียงไร"
    (2) เวลาที่สูญเสียไป  โธมัส เอดิสัน กล่าวว่า "Time is the most important thing in the world"  (เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก)  มีคนจำนวนมากทำให้เวลาเสียไป  บ่อยครั้งเรามักได้ยินคนพูดว่า "กำหนดเวลา"  "เวลาผ่านไปแล้ว"  "ฆ่าเวลา"  เบ็นจามิน แฟรงคลิน กล่าวว่า "ถ้าท่านรักชีวิต อย่าทำให้เวลาสูญไปโดยเปล่าประโยชน์  เพราะเวลาคือชีวิตของเรา"
    (ก) หนทางที่ทำให้เสียเวลา เราเสียเวลาไปโดย
        1) การเกียจคร้าน  (สุภาษิต 19.15, 23.21)  1ติโมเธียว 5.13  "และ​เขา​มัก​เป็น​คน​เกียจ​คร้าน​ด้วย, คือ​เที่ยว​ไป​ขึ้น​บ้าน​นี้​ขึ้น​บ้าน​โน้น และ​ไม่ใช่​เป็น​คน​เกียจ​คร้าน​อย่าง​เดียว, แต่​มัก​เป็น​คน​ปาก​บอน​ด้วย, และ​เที่ยว​ยุ่ง​กับ​ธุระ​ของ​ผู้อื่น, และ​พูด​ซึ่ง​ไม่​ควร​จะ​พูด"  โรม 12.11 "อย่าเกียจคร้าน, จงรุ่งโรจน์ในพระคริสต์, จงปฏิบัติพระเจ้า"  2เธซะโลนิเก 3.10 "ด้วย​ว่า​ถึง​คราว​เมื่อ​เรา​ยัง​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย, เรา​ก็​ได้​กำชับ​อย่าง​นี้​ว่า, ถ้า​ผู้​หนึ่งผ้​ใด​ไม่​คิด​จะ​ทำ​การ​ก็​อย่า​ให้​เขา​กิน"
        2) โดยการผลัดวันประกันพรุ่ง  สุภาษิต 27.1 "อย่า​อ้าง​ว่า​จะ​กระทำ​สิ่งใด​ใน​วันพรุ่งนี้, ​เพราะ​เจ้า​ไม่​ผู้ว่า​จะ​มี​เหตุ​อะไร​เกิด​ขึ้น​ใน​วันหนึ่ง​วัน​ใด"  2โกรินโธ 6.2 " เพราะว่า​พระ​องค์​ตรัส​แล้ว​ว่า, เรา​ได้​ฟัง​ท่าน​ใน​เวลา​อัน​ชอบ, และ​เรา​ได้​สงเคราะห์​ท่าน​ใน​วัน​แห่ง​ความ​รอด นี่​แน่ะ บัดนี้​เป็น​เวลา​อัน​ชอบ นี่​แน่ะ บัดนี้​เป็น​วัน​แห่ง​ความ​รอด"
        3) โดยการนอนเกินความจำเป็น  สุภาษิต 20.13 "อย่า​ชอบ​นอนหลับ​จน​เหลือเกิน, ​เกรง​ว่า​จะ​ถึงแก่​ความ​ยาก; ​จง​ลืมตา​ขึ้น​เถิด​จึง​จะ​มี​อาหาร​กิน​อิ่ม"
        4) การสนุกสนานที่ไม่บริสุทธิ์  การเล่นที่เลยขอบเขต  การกระทำที่เสี่ยงอันตราย  1เธซะโลนิเก 4.12 "เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ประพฤติ​ตาม​อย่าง​ที่​สมควร​ต่อ​หน้า​คน​เหล่านั้น​ที่​อยู่​ภายนอก, และ​เพื่อ​ท่าน​จะ​เป็น​อิส​สระ​เลี้ยง​ตัว​ได้"
        5) หมกมุ่นพัวพันกับความผิดพลาดในอดีต  ฟิลิปปอย 3.13-14 "ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย, ข้าพ​เจ้า​ไม่​ถือ​ว่า​ข้าพ​เจ้า​ได้​ฉวย​ไว้​ได้​แล้ว แต่​มี​อย่าง​เดียว คือ​ว่า​สิ่ง​เหล่านั้น​ที่​ผ่าน​พ้น​มา​แล้ว​ข้าพ​เจ้า​ก็​ลืม​เสีย, และ​โน้ม​ตัว​ออก​ไป​หา​สิ่ง​เหล่านั้น​ที่​อยู่​ข้างหน้า,  คือ​ข้าพ​เจ้า​กำลัง​บาก​มั่น​มุ่ง​ไป​กว่า​จะ​ถึง​ธง​ชัย, และ​ได้​รางวัล ซึ่ง​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เรียก​เรา​ให้​ตะ​เกียก​ตะกาย​ไป​รับ​โดย​พระ​เยซู​คริสต์"
        6) กระวนกระวายใจ  ฟิลิปปอย 4.6-7 "อย่า​กะ​วน​กะ​วาย​ด้วย​สิ่ง​ใด​เลย, แต่​จง​เสนอ​ความ​ปรารถนา​ของ​ท่าน​ทุก​อย่าง​ต่อ​พระ​เจ้า โดย​การ​อธิษฐาน กับ​การ​ขอบ​พระ​คุณ  และ​สันติ​สุข​แห่ง​พระ​เจ้า, ซึ่ง​เหลือ​ที่​จะ​เข้าใจ​ได้, จะ​คุ้มครอง​ใจ​และ​ความคิด​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไว้​ใน​พระ​เยซู​คริสต์"
    (ข) แทนที่เราจะเสียเวลาไปเปล่า ๆ เราควรซื้อเวลามาใช้และใช้เวลาโดยอาศัยปัญญา
        โกโลซาย 4.5 "จงดำเนินการกับคนภายนอกด้วยใช้สติปัญญา  ซึ่งเป็นการซื้อโอกาสไว้ใช้"  เราควรฝึกนิสัยบังคับมิให้เสียเวลาโดยไม่คิดอะไร เพราะ
        1) ถ้าเราไม่ใช้เวลาอย่างมีสติปัญญา เราจะทำการไม่สำเร็จ
        2) เราผ่านเส้นทางนี้เพียงครั้งเดียว  เฮ็บราย 9.27 "และมนุษย์ทั้งหลายมีกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องตายหนหนึ่ง และภายหลังนั้นจะถึงการพิพากษา"
        3) เราสูญเสียเวลาไปมากแล้ว  1เปโตร 4.3 " ด้วย​ว่า​เวลา​ซึ่ง​ล่วง​พ้น​ไป​นั้น ที่​ได้​ประพฤติ​ตาม​ชอบ​ใจ​คน​ต่าง​ประเทศ​ก็​พอ​อยู่​แล้ว, คราว​เมื่อ​เรา​ทั้ง​หลาย​ได้​ประพฤติ​ตาม​ราคะ​ตัณหา, ตามใจ​ปรารถนา​อัน​ชั่ว เมา​น้ำ​องุ่น กิน​เหล้า​วุ่นวาย​กัน, กิน​ละโมภ, และ​หลง​ไหว้​รูป​เคารพ​อัน​เป็น​ที่​น่า​เกลียด"
        4) เราไม่ทราบว่าเราจะมีเวลาเหลืออีกเท่าไร  ยาโกโบ 4.14 "แต่​ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​รู้​ว่า จะ​มี​เหตุ​อะไร​เกิดขึ้น​ใน​พรุ่งนี้. ชีวิต​ของ​ท่าน​เป็น​อะไร​เล่า? ก็​เป็น​เหมือน​หมอก​ที่​ปรากฏ​อยู่​แต่​ประเดี๋ยว​หนึ่ง​แล้ว​ก็​หายไป"
        5) เราจะต้องให้การเรื่องการรับใช้เวลาและโอกาส  มัดธาย 25.40 "แล้ว​พระมหา​กษัตริย์​จะ​ตรัส​แก่​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ตาม​จริง​ว่า ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​แก่​ผู้​เล็กน้อย​ที่สุด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พี่​น้อง​ของ​เรา​นี้ ก็​เหมือน​ท่าน​ได้​กระทำ​แก่​เรา​ด้วย"    
        6) เราไม่รู้แน่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จกลับมาเมื่อใด  มาระโก 13.32 "แต่​วัน​นั้น​โมง​นั้น​ไม่​มี​ผู้ใด​รู้, ถึง​ทูต​สวรรค์​หรือ​พระ​บุตร​ก็​ไม่​รู้, รู้​แต่​พระ​บิดา​องค์​เดียว"  1เธซะโลนิเก 5.2 " เพราะว่า​ท่าน​เอง​ก็​รู้​ละเอียดละออ​แล้ว​ว่า วัน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​มา​เหมือน​อย่าง​ขโมย​ที่มา​ใน​เวลา​กลางคืน"
        เราสามารถซื้อเวลาและใช้เวลาอย่างผู้มีปัญญา โดยวิธีดังต่อไปนี้
        1) โดยการเพิ่มเติมความรู้ในการศึกษา  2ติโมเธียว 2.14 "จง​อุสส่าห์​สำแดง​ตน​ให้​เป็น​ที่​พอ​พระทัย​พระ​เจ้า, เป็น​คน​งาน​ที่​ไม่​ต้อง​อาย, เพราะ​เป็น​คน​ที่​ซื่อ​ตรง​ใน​การ​ที่​ใช้​คำ​แห่ง​ความ​จริง​นั้น"
        2) ฉวยโอกาสที่จะกระทำการดีแก่ผู้อื่น  ฆะลาเตีย 6.10 " เหตุ​ฉะนั้น, ตามที่​เรา​มี​โอกาส​อยู่, ให้​เรา​กระทำ​การ​ดี​แก่​คน​ทั้ง​ปวง, และ​ที่​สำคัญ​นั้น​จง​กระทำ​แก่​ครอบครัว​ของ​ความ​เชื่อ"
        3) ในการเลี้ยงชีพด้วยความสัตย์ซื่อเพื่อตัวเราเองและครอบครัว   1ติโมเธียว 5.8 "ถ้า​แม้​ผู้ใด​ไม่​เลี้ยง​ดู​วงศ์​ญาติ​ของ​ตน, และ​คน​ใน​บ้านเรือน​ของ​ตน​ยิ่ง​กว่า​ผู้อื่น, ผู้​นั้น​ก็​ปฏิเสธ​ความ​เชื่อ​เสีย​แล้ว, และ​ซ้ำ​ชั่ว​ยิ่ง​กว่า​คน​ที่​ไม่​ได้​เชื่อ​เลย"
        4) ในการอธิษฐาน  1เธซะโลนิเก 5.17 "จงอธิษฐานเสมออย่าเว้น จงขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่ง"
        5) ในการตรวจตราดูตนเอง  2โกรินโธ 13.5 "ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูตัวของท่านว่า ท่านตั้งอยู่ในความเชื่อหรือไม่  จงชันสูตรดูตัวของท่านเองเถิด  ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายเว้นไว้ท่านจะทานการชันสูตรไม่ได้"
        6) ในการแสวงหาผู้หลงหาย  มัดธาย 18.11 "เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้เสด็จมาเพื่อช่วยซึ่งหลงหายไปนั้นให้รอด"
        7) ในการใช้เวลากับครอบครัว   ฝึกอบรมลูกในองค์พระผู้เป็นเจ้า  เอเฟโซ 6.4 "ฝ่าย​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ผู้​เป็น​บิดา อย่า​ยั่ว​บุตร​ของ​ตน​ให้​ขัด​เคือง​ใจ แต่​จง​อบรม​ด้วย​การ​ตี​สอน​และ​การ​เตือนสติ​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า"  (สุภาษิต 22.6)
    (ค) ถ้าเราเลิกจากการเป็นผู้เสียเวลา  เราไม่ควรเป็นผู้แก้ตัวว่า "ฉันไม่มีเวลา"  เราไม่มีเวลาสำหรับสิ่งอื่นหรือ?  พระเยซูมิใช่กำชับให้เราแสวงหาแผ่นดินขององค์พระผู้เป็นเจ้าก่อนหรือ?  ท่านเคยร้องเพลง "จงตั้งเวลาไว้ก่อน?"  ถ้าหมอสั่งให้เรานอนพักฟื้นวันละ 1 ชั่วโมง  ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเราจะตายภายในสามเดือน  ท่านคิดว่าท่านจะหาเวลานอนวันละ 1 ชั่วโมงไหม?  ถ้าหมอบอกเราว่า  เราควรอ่านหนังสืออย่างน้อยเพื่อออกกำลังสายตา  ไม่เช่นนั้นตาจะบอด  แน่นอนท่านคงจะหาเวลาทำเช่นนั้น  สมมุติว่าลูกเรากลับบ้าน  พร้อมกับจดหมายจากโรงเรียนกำชับว่า  ผู้ปกครองไม่ใช้เวลากับลูกมากขึ้นลูกจะสอบตกแน่นอน  ท่านจะหาเวลาไหม?  แล้วเรื่องวิญญาณจิตของเรา  ของท่านล่ะ?  ท่านจะไม่ยอมใช้เวลาสนใจบ้างหรือ?  ให้เราเลิกพูดว่า "ฉันไม่มีเวลา" หรือ "ถ้าฉันมีเวลา..."  (ซึ่งคงจะหมายความว่าฉันคงจะไม่มีเวลา)

3. เราจะต้องให้การเรื่องเวลาของเรา
    ท่านอาจถามว่า "ธุระของใครกันแน่เรื่องการใช้เวลา?"  เรื่องเวลาเป็นธุระของพระเจ้า  เวลาของท่านเป็นของพระเจ้า  ท่านเป็นลูกจ้าง  พระเจ้าเป็นนายของเรา  เราเป็นผู้อารักขาเวลาและเงินของเรา  และที่สุดเราจะต้องให้การเรื่องการใช้เวลาของเราต่อพระเจ้า  มนุษย์โกงพระเจ้าได้หรือ?  คิดดูเถิด  ถ้าคนจะมีชีวิตในโลกประมาณ 70 ปีโดยเฉลี่ย  เราจะใช้เวลาไปในการทำสิ่งดังต่อไปนี้  ใช้เวลาในการศึกษา 3 ปี  ใช้เวลาในการสนุก 8 ปี  ใช้เวลาที่โต๊ะอาหาร 6 ปี  ใช้เวลาในการเดินทา 5 ปี  ใช้เวลาในการพูดคุย 4 ปี  ใช้เวลาในการทำงาน 14 ปี  ใช้เวลาในการอ่าน 3 ปี  ใช้เวลาในการนอน 24 ปี  ใช้เวลาในการเจ็บไข้และพักฟื้น 3 ปี  แต่มนุษย์ใช้เวลาเพื่อพระเจ้าจริง ๆ เท่าใด  สมมุติว่าเขาไปนมัสการพระเจ้าทุกวันอาทิตย์  และอธิษฐานประมาณ 5 นาที  ตอนเช้าและตอนเย็น  เขาใช้เวลาให้พระเจ้าเพียงห้าเดือนภายใน 70 ปี ให้เวลาแก่พระเจ้าห้าเดือนเท่านั้นเองหรือ
 

ตอบคำถามแบบทดสอบ บทที่ 11  คลิกที่นี่

บทที่12