พระเจ้าเลือกชนชาติยิศราเอล
พระเจ้าได้ทรงติดต่อกับชนชาติยิศราเอลในเวลานั้นเพียงชาติเดียว เพราะชนชาติอื่นไม่ยอมหันกลับมาหาพระองค์แล้ว ชาติยิศราเอลต่อมาได้ถูกเรียกว่า พวกยิว (ยูดาย) พระเจ้าเลือกชนชาติยิวไว้มิได้หมายความว่าเขาดีกว่าชาติอื่น ๆ แต่เพราะพระเจ้าได้สัญญากับอับราฮามไว้ว่าจะให้พระเยซูกำเนิดจากเชื้อสายของท่าน
เมื่ออับราฮามบิดาแห่งความเชื่อได้สิ้นชีพไปแล้ว หลานของเขาคือยาโคบได้เป็นบิดาของลูกชาย 12 คนซึ่งต่อมาเป็น 12 ตระกูลของชนชาติยิศราเอล ในจำนวนลูก 12 คนยาโคบโปรดปรานโยเซฟคนรองสุดท้องมากที่สุด เนื่องจากความอิจฉาของบรรดาพี่ ๆ โยเซฟได้ถูกขายไปในประเทศอียิปต์ พระเจ้าได้สถิตอยู่กับโยเซฟ ต่อมาเขาจึงได้รับตำแหน่งเป็นอุปราชในสำนักของกษัตริย์ฟาโรห์ในประเทศอียิปต์ โยเซฟได้เชิญให้ยาโคบผู้เป็นบิดาและบรรดาพี่น้องของเขา ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ในประเทศอียิปต์ ต่อมาชนชาติพวกนี้ถูกเรียกว่ายิศราเอลตามชื่อของยิศราเอล (ยาโคบบิดาของโยเซฟ) เยเนซิศ 37.1-50
ภายหลังโยเซฟได้ถึงแก่กรรมแล้ว ฟาโรห์องค์ใหม่รู้จักโยเซฟ ในเวลาเดียวกันกับที่พวกพี่น้องของโยเซฟก็มีลูกหลานเกิดขึ้นมากในประเทศอียิปต์ ฟาโรห์องค์ใหม่จึงได้แสดงความทารุณโหดร้ายแก่ชนชาติยิศราเอล ชนชาติยิศราเอลได้ตกเป็นทางของพวกอียิปต์ เขาได้เกณฑ์ให้พวกยิศราเองสร้างพระราชวังและใช้งานอื่นอย่างหนัก พวกยิศราเอลตกเป็นทาสในอียิปต์ถึง 400 ปี จนกระทั่งพระเจ้าได้เลือกโมเซเป็นผู้ช่วยปลดปล่อยชนชาติยิศราเอลจากการเป็นทาส โมเซได้กระทำการอัศจรรย์ต่อหน้าฟาโรห์ 10 อย่าง ครั้งที่สิบโอรสของฟาโรห์ถึงแก่ชีวิตในที่สุดฟาโรห์ยอมปลดปล่อยชาติยิศราเอล (เอ็กโซโด บทที่ 1-15) ชนชาติยิศราเอลได้วนเวียนในป่าเป็นเวลา 40 ปี เพราะเนื่องจากเขาทั้งหลายขาดความเชื่อ ในที่สุดชนชาติยิศราเอลก็ได้เข้าไปสู่แผ่นดินคะนาอัน ได้สู้รบกับชนชาติที่ไม่นับถือพระเจ้า พระเจ้าได้สถิตอยู่กับเขาทั้งหลายจนได้ชัยชนะ เมื่อศัตรูได้ถูกปราบลงหมดสิ้น ชนชาติยิศราเองจึงได้ตั้งรกรากอยู่ในแผ่นดินคะนาอันหรือปาเลสไตน์ปัจจุบัน แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาที่จะประทานให้แก่อับราฮาม
เมื่อเข้าไปในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาแล้วพระเจ้าได้ตั้งผู้วินิจฉัย (ผู้พิพากษา) เป็นผู้นำประเทศตลอดมา จนในที่สุดชนชาติยิศราเอลต้องการมีกษัตริย์ พระเจ้าก็ได้แต่งตั้งซาอูลให้เป็นกษัตริย์องค์แรกของชนชาติยิศราเอลครอบครองที่กรุงยะรูซาเล็มต่อจากซาอูล คือ กษัตริย์ดาวิด เป็นคนที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์โลก เมื่อสิ้นชีพแล้วซะโลโมราชโอรสของดาวิดได้เป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชบิดา ทั้งสามองค์ครอบครองคนละ 40 ปี แต่พอสิ้นสมัยของกษัตริย์ซะโลโม คือในปี 933 ก.ค.ศ. อาณาจักรได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือทางเหนือและทางใต้เพราะการไม่เชื่อฟัง ในที่สุดอาณาจักรทางเหนือถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่อะซีเรียในปี 721 ก.ค.ศ. และอาณาจักรทางใต้ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลนในปี 586 ก.ค.ศ.
ชนชาติยิศราเอลได้ตกเป็นเชลยในบาบิโลน 70 ปี โดยพระกรุณาของพระเจ้าได้ทรงโปรดช่วยให้ผู้ชอบธรรมรอดจากคมดาบ เพื่อจะให้คำสัญญาของพระเจ้าสำเร็จคือในการที่จะให้พระมาซีฮาพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมา คนชอบธรรมที่เหลือได้กลับไปกรุงยะรูซาเล็ม สร้างพระวิหาร, กำแพงเมืองยะรูซาเล็มจนสำเร็จ และประวัติศาสตร์ของพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้มาจบลงในปีก่อนคริสตศักราช 400 ปี
ข่าวสารแห่งความหวัง
นับตั้งแต่โมเซประมาณ 1500 ก.ค.ศ. เป็นต้นไป จนถึง 400 ก.ค.ศ. พระเจ้าได้ใช้ศาสดาพยากรณ์มาประกาศข่าวความหวังที่จะทำให้มนุษย์หันกลับไปหาพระเจ้า คำพยากรณ์ส่วนมากมีใจกลางอยู่ที่พระเยซูคริสต์เจ้า "เมื่อคราวก่อนพระเจ้าได้ตรัสทางพวกผู้พยากรณ์ทีละเล็กทีละน้อย ด้วยอาการหลายวิธีแก่บรรพบุรุษ แต่ในคราวที่สุดนี้ได้ตรัสแก่เราทางพระบุตร" (เฮ็บราย 1.1) ในสมัยผู้พยากรณ์นี้พระเจ้าได้ใช้ผู้พยากรณ์มาสำแดงให้โลกเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเหนือสารพัด พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ครอบครองในโลกนี้ ประเทศชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและล่มจมดับศูนย์ไปในประวัติศาสตร์ เพราะเขาขัดขืนน้ำพระทัยของพระเจ้า พระองค์ใช้ผู้พยากรณ์ให้ประกาศเรื่องอาณาจักรอันนิรันดร์ของพระองค์ (ดานิเอล 2.41-44) เรื่องความหวังในพระมาซีฮา (ยะซายา 7.14, 9.6) ในเวลาเดียวกันพระเจ้าก็ชักจูงมนุษย์ทั้งหลายให้หันเหออกจากการไหวรูปเคารพ (ยะซายา 44.19-20, ยิระมะยา 10.11-16) และออกจากลัทธิคำสอนของมนุษย์
โครงการแห่งความรอดของพระเจ้าสำเร็จในพระเยซู
ในสมัยโบราณถึงแม้มนุษย์ได้ทอดทิ้งไม่นับถือพระเจ้าเที่ยงแท้ และกลับไปนมัสการลัทธิต่าง ๆ ตามอำเภอใจของตนเอง น้ำพระทัยของพระเจ้าไม่อยากเห็นพลไพร่ของพระองค์หลงงมงายไปปฏิบัติสิ่งไร้สาระอย่างนั้น พระเจ้าพยายามบอกให้มนุษย์หันกลับมาหาพระองค์ พระเจ้าได้ทรงชี้ช่องความหวังในอนาคตแก่มนุษย์ การชี้แจงนั้นพระเจ้าได้กระทำกันในลักษณะต่าง ๆ แต่พอจะรวบรวมเป็นสองประเด็นด้วยกันคือพระเจ้าจะทรงรวบรวมมนุษย์ทั้งหลายที่ได้หลงไปนั้นให้เข้ามาอยู่ในครอบครัวเดียวกันหรือภายใต้อาณาจักรเดียวกัน โครงการเหล่านี้พระเจ้ามีจุดประสงค์ที่จะให้สำเร็จโดยพระเยซู
ข้อพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิม ตั้งแต่เยเนซิศจนถึงหนังสือมาลาคีได้ชี้แจงเป็นแนวทางล่วงหน้าการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ ในสายตาของพวกยิวกำลังรอคอยการเสด็จมาของพระมาซีฮาซึ่งเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด ตั้งแต่มนุษย์ได้พลาดล้มลงกระทำบาปในสวนเอเดนจนถึงพระเยซูเสด็จมา มีหมายสำคัญหลายอย่างซึ่งชี้บอกการมาของพระมาซีฮาล่วงหน้า
เยเนซิศ 3.15 ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะบังเกิดจากหญิงพรหมจารี และจะมาเป็นผู้ทำลายอำนาจของซาตาย
เยเนซิศ 12.1-3 ข้อนี้ชี้แจงล่วงหน้าว่า พระมาซีฮาเป็นเชื้อสายของอับราฮาม
เยเนซิศ 18.18 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะช่วยให้โลกได้รับความรอด
เยเนซิศ 49.10 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะบังเกิดในตระกูลยูดา
เยเนซิศ 7.11-12 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะบังเกิดในครอบครัวของดาวิด
เยเนซิศ 18.15 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะเป็นศาสดาพยากรณ์เช่นอย่างโมเซ
เยเนซิศ 7.14 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะบังเกิดจากหญิงพรหมจารี
เยเนซิศ 2.44 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะตั้งอาณาจักร
มีคา 5.2 ข้อนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะบังเกิดที่หมู่บ้านเบ็ธเลเฮ็ม
ยะซายา 53 บทนี้ชี้แจงว่า พระมาซีฮาจะต้องทนทุกข์ทรมานบนไม้กางเขนและจะเป็นขึ้นมาจากตาย
บทที่ 5
บทที่5
พระเยซูได้เสด็จมาทำให้ข้อความทั้งสิ้นซึ่งได้ทำนายไว้สำเร็จ "นี่เป็นถ้อยคำของเราซึ่งเราได้บอกไว้แก่ท่านทั้งหลายเมื่อเรายังอยู่กับท่านว่า บรรดาคำที่เขียนไว้ในบัญญัติของโมเซ และในคัมภีร์ของเหล่าศาสดาพยากรณ์ และในคัมภีร์เพลงสดุดีกล่าวเล็งถึงเรานั้น จำเป็นจะต้องสำเร็จ" (ลูกา 24.44)
พระองค์เองได้ประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นผู้ที่จะทำให้บรรดาชนชาติต่าง ๆ ที่หันเหไปจากพระเจ้าให้เขากลับมาเป็นไมตรีกับพระองค์อีก "พระเยซูตรัสแก่เขาว่า เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาเว้นไว้มาทางเรา" (โยฮัน 14.6)
พระองค์ชี้แจงว่า พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งสันติสุข (มัดธาย 27.11-12) พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดตามที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับอาดามในเยเนซิศ 3.15 พระเยซูได้เสด็จมาตามโครงการของพระเจ้า พระองค์มิได้ประดิษฐ์คำสอนหรือปรัชญาของพระองค์ขึ้น ชีวิตอันบริสุทธิ์ที่ปราศจากจากบาปของพระองค์, คำสอนอันอมตะของพระองค์, การมหัศจรรย์ที่เหนือกว่ามนุษย์ของพระองค์, คำพยากรณ์ที่ละเอียดเกี่ยวกับพระองค์, การสิ้นพระชน์และการฟื้นคืนพระชนม์ และอิทธิพลของพระองค์ต่อโลกสมัยโบราณและสมัยปัจจุบันได้พิสูจน์เหนือข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้นว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่จะทำให้มนุษย์หันกลับไปหาพระเจ้า