แม้พวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการยังยอมรับว่า ถ้ามีบทประพันธ์จะต้องมีนักประพันธ์ ถ้ามีรูปภาพจะต้องมีจิตกรที่วาดภาพ ถ้ามีแบบก็ต้องมีนักออกแบบ แต่พวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวว่า แบบที่เราเห็นในธรรมชาติยังไม่พอที่แสดงให้เห็นว่ามีพระเจ้าผู้ซึ่งเป็นผู้ออกแบบที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาไม่อยากยอมรับว่าสัตว์มากมายที่อัศจรรย์ซึ่งอาศัยอยู่บนโลกได้ถูกออกแบบ ข้อสรุปของพวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการถูกต้องแล้วหรือ? หรือว่าหลักฐานจากแบบของสัตว์ต่าง ๆ ในโลกนี้ชี้ให้เห็นว่ามีพระเจ้าผู้ออกแบบที่ยิ่งใหญ่ ให้เรายกตัวอย่างสัตว์บางชนิด เมื่อพิจารณาดูแล้วท่านตัดสินใจด้วยตัวเองว่า สัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้ถูกออกแบบสร้างขึ้น หรือว่ามันเกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ
มังกรโคโมโด
ในทุ่งหญ้าบนเกาะโคโมโดประเทศอินโดนีเซีย มีสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มันมีรูปร่างคล้ายกับตัวเงินตัวทองในประเทศไทย มันกำลังนอนนิ่งคอยเหยื่ออย่างสงบบังเอิญกวางตัวหนึ่งเดินผ่านมาทางเจ้านักล่าตัวนั้นพอดี ชั่วพริบตาเจ้าสัตว์เลื้อยคลานนักล่าร่างยักษ์ก็ตะครุบเหยื่อด้วยเขี้ยวและกรามอันแข็งแรงของมัน แล้วมันก็อิ่มด้วยอาหารค่ำอย่างเอร็ดอร่อย นักล่าเหยื่อที่ดุร้ายคือ มังกรโคโมโด ท่านอาจจะคิดว่ามังกรเป็นสัตว์ในนิยายซึ่งอัศวินต่อสู้กับมังกรด้วยหอก มังกรโคโมโดมีตัวตนจริง ๆ เดินอยู่บนพื้นโลกปัจจุบัน มันไม่มีปีกบิน และมันพ่นไฟออกจากปากไม่ได้ แต่มันเป็นสัตว์ที่พระเจ้าทรงออกแบบสร้างมันขึ้นมา
มังกรโคโมโดสามารถเจริญเติบโตเต็มที่ลำตัวยาวประมาณ 3 เมตร 50 เซ็นต์ สองเท่าของคนและหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ช่วงขาสั้นแต่มันเดินเร็วได้ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วเท่ากับความเร็วของสุนัข มังกรโคโมโดกินอาหารได้รวดเร็วเป็นพิเศษ ฟันอันแหลมคมของมันออกแบบให้มันสามารกินอาหารได้เยอะ มังกรโคโมโดสามารถกลืนเหยื่อทั้งตัวได้ มังกรโคโมโดตัวเมียสามารถฉีกหมูป่ากินทั้งตัวภายใน 17 นาที
มังกรโคโมโดสามารถกินอาหารได้อย่างรวดเร็วเพราะกระเพาะของมันรับน้ำหนักได้ 80% ของน้ำหนักตัวมัน โคโมโดหนัก 100 กิโลกรัมสามารถกินอาหารได้ 80 กิโลกรัม ลองคิดดูว่า ถ้ามนุษย์ที่มีน้ำหนักตัว 90 กิโลกรัมสามารถรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ได้ 320 อันภายใน 20 นาที มนุษย์ไม่สามารถรับประทานได้มากขนาดนั้น แต่มังกรโคโมโดสามารถกินได้ ความสามารถในการกินของมันไม่หยุดอยู่แค่นั้น ในปากของมังกรโคโมโดมีแบคทีเรียที่เป็นเพื่อนของมันซึ่งอาศัยอยู่ระหว่างซอกฟันอันแหลมคม แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในปากของโคโมโดคอยทำหน้าที่กวาดเก็บกินเศษอาหารที่อยู่ตามซอกฟัน แบคทีเรียที่อยู่ในปากไม่ทำอันตรายโคโมโด แต่ถ้ามังกรโคโมโดไปฟัดกับศัตรูชนิดใดก็ตาม แบคทีเรียจะทำให้เจ็บปวดเป็นพิษทำให้ศัตรูถึงตายได้ ท่านคงไม่ต้องการเห็นมันอยู่หลังบ้านของท่าน มังกรโคโมโดมีน้อยมากทั้งหมดมีเหลืออยู่ประมาณ 4,000ตัว ส่วนมากอยู่ตามเกาะในประเทศอินโดนีเซีย บางคนบอกว่ามังกรโคโมโดวิวัฒนาการขึ้นมาเองโดยบังเอิญ นี่ไม่เป็นความจริง มังกรโคโมโดจะเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญและมีแบคทีเรียที่เป็นพิษอยู่ในปากของมันโดยไม่ฆ่ามันแต่ฆ่าศัตรูได้อย่างไร? ความจริงก็คือพระเจ้าเป็นผู้ออกแบบในการสร้าง มังกรโคโมโดที่อัศจรรย์เพื่อข้าพเจ้าและท่านสามารถมองเห็นฤทธานุภาพของพระเจ้าในการสร้าง
ปลาไหลไฟฟ้า
ปลาไหลไฟฟ้าสามารถมีประจุไฟฟ้าทำให้ท่านช๊อต 5 เท่ามากกว่าท่านจะเอานิ้วแหย่เข้าไปในปลั๊กไฟ ประจุไฟฟ้าที่อยู่ในปลาไหลไฟฟ้าที่อัศจรรย์เกิดจากปลายประสาทจำนวนมากกระจายไปทั่วลำตัวของปลาไหลชนิดนี้ ปลายเส้นประสาทแต่ละเส้นมีกระแสไฟฟ้า เมื่อเอาปลายเส้นประสาทมารวมเข้าด้วยกัน ถ้าท่านไปสัมผัสจะทำให้เกิดไฟฟ้าช๊อตได้ ปลาไหลไฟฟ้าใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อสยบเหยื่อของมัน ปลาไหลมีชั้นไขมันทำหน้าที่เป็นการระบายความร้อนเพื่อไม่ให้ตัวมันถูกไฟฟ้าช๊อตจากตัวมันเอง ท่านคิดว่าปลาไหลไฟฟ้าได้ถูกออกแบบสร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าผู้ทรงสร้างหรือมันเกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ?
ด้วงติดอาวุธ (Bombardier Beetle)
ด้วงเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ ที่มีพิษร้ายกาจที่หน้าทองของมันเป็นกลไกป้องกันตัวที่ร้ายกาจ ในลำตัวด้วงมีต่อมที่ผลิตสารเคมีเป็นพิษสะสมพิษนี้ไว้ใน "แทงค์เก็บ" เรียกว่า "Collection Vesicle" สารเคมีที่ด้วงผลิตคือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และไฮโดรควีนอนส์ ถ้าศัตรูเข้ามาปะทะกับด้วง มันจะปล่อยสารเคมีทั้งสองออกจาก "ห้องระเบิด" แล้วมันจะเพิ่มเอนไซม์เป็นส่วนผสมกับสารเคมีทั้งสองตัวดังกล่าว ผลทำให้สารเคมีดังกล่าวผลิตเป็นของเหลวที่ร้อนจัดถึง 100 องศาเซลเซียส หรือ 212 องศาฟาเรนไฮท์ ขบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นแค่สองวินาที ด้วงเล็กมีปืนกลขนาดจิ๋วหนึ่งคู่ขนาดเท่าปลายเข็มฉีดยาอยู่ตรงส่วนหางของมัน ด้วงจะใช้ปืนกลคู่นั้นยิงสารเคมีที่เป็นพิษดังกล่าวเข้าใส่ศัตรูของมัน ทำให้คู่ต่อสู้ตายหรือแน่นิ่งไป ด้วงบินจากไปด้วยความสะใจ ด้วงสามารถผลิตสารเคมีที่เป็นพิษและเก็บไว้ใน "แทงค์เก็บ" และสามารถพ่นสารเคมีเข้าใส่หน้าของศัตรูได้อย่างไร? ด้วงบอมบาร์ดเดอร์ถูกออกแบบโดยพระเจ้าหรือว่ามันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ?
ตัวเกียจคร้าน (Sloth)
สำหรับมนุษย์เดิน 5 ฟุตเป็นเรื่องเล็ก เพียงแค่สองก้าวใหญ่เท่านั้น ใช้เวลาเท่าไรในการเดินแค่ 2 ก้าว, 2 วินาทีหรืออย่างมากก็แค่ 5 วินาที มีสัตว์ชนิดหนึ่ง เดินเร็วที่สุดอย่างเก่งก็เดินได้ 5 ฟุตต่อนาที มันเคลื่อนตัวบนพื้นดินได้เร็วที่สุดแค่ 5 ฟุตภายใน 60 วินาทีเท่านั้น นั่นเป็นสถิติการวิ่งที่เร็วที่สุดของตัวเกียจคร้าน ความเร็วปกติของมันเดินได้ 13 ฟุตต่อหนึ่งชั่วโมง (แค่ 5 ก้าวของมนุษย์เท่านั้น)
เจ้าตัวเกียจคร้านเดินเชื่องช้ามาก ๆ แต่ความเชื่องข้าของตัวเกียจคร้านเป็นแค่ลักษณะอันหนึ่งของคุณสมบัติที่น่าทึ่งอันหนึ่งเท่านั้น ตัวเกียจคร้านหรือ Sloth ใช้เวลาอยู่บนต้นไม้ มันใช้เวลานอน 18 ชั่วโมงต่อวัน (นี่เป็นที่มาของชื่อของสัตว์ชนิดนี้ที่เรียกว่า ตัวเกียจคร้าน) ตัวเกียจคร้านใช้เวลาตื่น 6 ชั่วโมงต่อวัน เวลานอนหลับของตัวเกียจคร้านส่วนมากมันจะนอนเอาหัวลง มันจะกินจะนอนและทำหลายอย่างหัวกลับประมาณ 15 ชั่วโมงทุก ๆ วัน เพราะการใช้ชีวิตแบบหัวกลับ พระเจ้าออกแบบอวัยวะภายในของตัวเกียจคร้าน (เช่น กระเพาะ ตับ ถุงน้ำดี) ไปอยู่ในที่ซึ่งไม่เหมือนกับสัตว์เลือดอุ่นชนิดอื่น ตัวหมัด แมลงหวี่ แมลงปีกแข็ง ชอบอาศัยตามขนที่รุงรังของมัน มีรายงานว่าตามลำตัวของตัวเกียจคร้านหนึ่งตัวจะมีแมลงหวี่ 100 ตัว แมลงปีกแข็ง 1,000 ตัว และหมัด 1,000 ตัว ตัวเกียจคร้านไม่เหมาะที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักที่นอนปลายเตียงนอนของท่าน ตัวเกียจคร้านไม่สามารถวิวัฒนาการอวัยวะพิเศษและอาการเชื่องช้าของมัน
คนที่เชื่องช้าในการเข้าใจว่าแบบในสัตว์ชนิดนี้และสัตว์ชนิดอื่นนับล้านคือคนที่ปฏิเสธว่าไม่มีพระเจ้า (โรม 1.28) ความจริงคือว่ามีแบบในธรรมชาติ ถ้ามีแบบแสดงว่ามีผู้ออกแบบ อย่าให้พวกที่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการทำให้ท่านตาบอดด้วยคำอ้างของพวกเขาที่บอกว่ามีแบบแต่แบบในสัตว์เหล่านี้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ นี่เป็นคำอ้างที่ไร้เหตุผลที่สุด